วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มีอะไรในยาบ้า

มีอะไรในยาบ้า

ในยาบ้ามีสารหลักคือ แอมเฟตามีน(amphetamine) เป็นสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1887 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ "เอเดเลียโน" ต่อมาอีกปี นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นก็สังเคราะห์อนุพันธุ์ของแอมเฟตามีนได้เป็น เมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) สารประกอบสำคัญในยาบ้า ที่มีคุณสมบัติดีกว่าและผลข้างเคียงแนบเนียนกว่า

ในยาบ้า 1 เม็ด มีเมทแอมเฟตามีนประมาณ 20-30 % คาเฟอีน 40-60 % ที่เหลือเป็นแป้งและน้ำตาล อาจมีอีฟีดีนผสมอยู่บ้างเป็นสารกระตุ้นคล้ายคาเฟอีน

ยาบ้าที่ขายกันจะบรรจุใส่ในหลอดกาแฟ หรือห่อกระดาษฟรอย ปัจจุบันวัยรุ่นนิยมเสพด้วยการสูดดมไอแทนการกิน โดยม้วนกระดาษฟรอยที่ใช้ห่อหมากฝรั่งให้เป็นรูปช้อนหรือเรือ แล้วเอาเม็ดยาใส่ลงไป ขั้นตอนนี้เรียก "พาน้องลงเรือ" แล้วใช้ไฟแช็คลนความร้อนใต้กระดาษฟรอย แล้วสูดดมไอควันของยาที่ระเหยขึ้นมา ยาจะออกฤทธิ์สู่สมองภายในไม่เกิน 8 วินาที ทำให้ผู้เสพรู้สึกกระชุ่มกระชวย สมองแจ่มใส มีความสุขทันที และสุขลึกถึงขั้น Euphoria ความเหนื่อยหายไป ไม่ง่วงนอน และไม่อยากอาหาร คนจึงนิยมใช้เพื่อความสนุกสนานและลดความอ้วน ยาบ้าจะออกฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 1 วัน หลังจากหมดฤทธิ์แล้วผู้เสพจะหมดเรี่ยวหมดแรง อยากนอนอย่างเดียว ไร้อารมณ์จะทำอะไร

เมทแอมเฟตามีนทำงานอย่างไร

เมทแอมเฟตามีน(Metamphetamine) เป็นสารที่ทำลายสมอง บริเวณสมองส่วนนอก(Cerebral Cortex) เรียกกันว่า"สมองส่วนคิด" ที่ทำหน้าที่คิดใช้เหตุผล จินตนาการ และตัดสินใจ และยังออกฤทธิ์อีกส่วนคือที่ ก้านสมอง (Brain Stem) หรือ "สมองส่วนอยาก" เป็นส่วนควบคุมสัญชาตญาณ เช่น ความอยาก ความหิว การระวังภัยต่างๆ เช่น ถ้าใครเอานิ้วมาจิ้มตา ตาของคุณจะกระพริบปิดฉับพลัน หรือเมื่อคุณเห็นมะม่วงน้ำปลาหวานแล้วเกิดน้ำลายสอขึ้นมาโดยอัตโนมัตินั่นเอง ในคนปกติสมองส่วนคิดจะมีอิทธิพลเหนือสมองส่วนอยาก แต่เมื่อเสพยานานเข้าสมองส่วนอยากจะเริ่มมีอิทธิพลเหนือสมองส่วนคิดโดยมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง จึงทำให้เกิดการติดยาเพราะสมองส่วนอยากสั่งการ เรียกว่า "สมองติดยา" จนถ้าขาดยาจะเกิดความอยากอย่างรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เรียกว่า "ขาดยา"

เมทแอมเฟตามีนเมื่อเสพเข้าสู่สมองแล้ว จะเข้าไปกระตุ้นสารสื่อเคมีในสมอง (Neurotransmitter) บริเวณศูนย์ความสุข ทำให้แจ่มใส ความคิดโลดแล่น มีความสุข กระฉับกระเฉง แต่เมื่อเสพนานเข้า สารสื่อเคมีในสมองจะลดลง ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า จำเป็นต้องเสพเติมเข้าไปกระตุ้นสารสื่อเคมีสมองอีก และเมื่อปลายประสาทหลั่งสารเคมีสมองออกมามากๆ แขนงประสาท (Axon) จะถูกทำลายสั้นลง จนมีลักษณะและการทำงานผิดปกติ หนักๆ เข้าก็จะมีอาการหูแว่วรู้สึกเหมือนมีตัวแมลงมาไต่ตามตัว ประสาทหลอน หวาดกลัวคนมาทำร้ายตน กลาย เป็นโรคจิตคุ้มคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้ เข้าขั้น "โรคจิตจากยาบ้า" ประมาณว่าจิตสังหารชวนให้ฆ่าตัวตาย หรือไม่วายจับตัวประกันมาปาดคออยู่บ่อยๆ

พัฒนาการติดยา

ผลของการเสพครั้งแรกๆ จะให้ความสุขลึกล้ำ หายเครียด ขยันขันแข็ง จิตแจ่มใส ต่อจากนั้นถ้าเสพไปนานๆ ประมาณ 4-6 สัปดาห์ติดต่อกันจะมีการดื้อยา (Tolerance) จนต้องเพิ่มปริมาณ และความถี่ บางคนเสพติดๆ กันเป็นสิบๆ เม็ด เพราะหลงใหลในความสุขระดับ Euphoria ที่ได้รับ จนต้องการมีความสุขต่อเนื่อง การเสพยาติดๆ กัน เท่ากับกระตุ้นให้สารในสมองหลั่งออกมาตลอดเวลา การเสพระยะนี้เรียกว่า ระยะการติดทางใจ (Psychological dependence) การเสพต่อไปเรื่อยๆ ก็จะนำไปสู่ การติดทางกาย(Physical dependence) เพราะสมองส่วนควบคุมความอยากถูกกระตุ้นอย่างสาหัสจนทำงานผิดปกติเสียแล้ว หากว่าขาดยาในช่วงนี้ก็จะเกิดอาการขาดยา (Withdrawal symptoms) ซึ่งจะมีอาการรุนแรงทรมานมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น